สินเชื่อเพื่อคนติดบูโร 2567: ฝ่าวิกฤตหนี้ สู่ชีวิตทางการเงินที่ดีกว่า

วันที่อัปเดตล่าสุด:2024/09/02
ก้าวเข้าสู่ปี 2567 แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว แต่หลายคนยังคงแบกภาระหนี้สิน และการมีประวัติ "ติดบูโร" ยิ่งเป็นกำแพงสูง ปิดกั้นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ใน "วงล้อมแห่งหนี้" ที่หาทางออกได้ยาก แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะยังมี "สินเชื่อเพื่อคนติดบูโร" ที่เปรียบเสมือน "แสงสว่างปลายอุโมงค์" เปิดโอกาสให้คุณกลับมามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ บทความนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อสำหรับคนติดบูโร พร้อมเจาะลึกถึงข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่ต้องระวัง รวมถึงแนะนำ "คลินิกแก้หนี้" ทางเลือกที่ยั่งยืน สู่การเงินที่มั่นคง "ติดบูโร" ไม่ใช่จุดจบ แต่ต้อง "รู้จัก รู้ทัน รับมือ" ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า "ติดบูโร" กันก่อน หลายคนเข้าใจผิดว่า "ติดบูโร" คือการถูกขึ้นบัญชีดำ ไม่สามารถกู้ยืมเงินจากที่ไหนได้อีก ซึ่งไม่ใช่ความจริงทั้งหมด "ติดบูโร" หมายถึง การมีประวัติค้างชำระหนี้สินกับสถาบันการเงิน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ที่ "บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด" หรือ "เครดิตบูโร" นั่นเอง การที่สถาบันการเงินตรวจสอบประวัติทางการเงินจากเครดิตบูโร เป็นกระบวนการปกติ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการปล่อยกู้ แต่การ "ติดบูโร" ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหมดโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อ เพราะยังมีสถาบันการเงินที่ "เปิดกว้าง" และ "เข้าใจ" ถึงสถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้ โดยพิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระในปัจจุบัน มากกว่าประวัติในอดีต
สารบัญ

สินเชื่อสำหรับคนติดบูโร 2567: มีอะไรบ้าง? เลือกแบบไหนให้ตรงใจ ตรงเงิน ตรงความเสี่ยง

สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ:

รายละเอียด: สินเชื่อยอดนิยมสำหรับคนติดบูโร ใช้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ เป็นหลักประกัน โดยผู้กู้ยังสามารถใช้รถได้ตามปกติ วงเงินที่ได้รับขึ้นอยู่กับราคาประเมินของรถ

ข้อดี:

อนุมัติง่าย ได้เงินเร็ว ไม่ยุ่งยาก

วงเงินสูง อาจสูงถึง 1 ล้านบาท

ระยะเวลาผ่อนนาน

ข้อเสีย:

ดอกเบี้ยค่อนข้างสูง

เสี่ยงต่อการถูกยึดรถหากผ่อนชำระไม่ตรงเวลา

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ เป็นของตัวเอง และต้องการเงินทุนหมุนเวียนรวดเร็ว

ตัวอย่าง:

เมืองไทยแคปปิตอล: วงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน

ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ: วงเงินสูงสุด 700,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน

นิ่มลิสซิ่ง: วงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน

สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์:

รายละเอียด: สินเชื่อขนาดเล็ก ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 36% ต่อปี ตามที่กฎหมายกำหนด

ข้อดี:

เข้าถึงง่าย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน

เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก

อนุมัติรวดเร็ว

ข้อเสีย:

วงเงินไม่สูงมาก

อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง

เหมาะสำหรับ: พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนไม่มาก

ตัวอย่าง:

เฮงลิสซิ่ง: วงเงินสูงสุด 200,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน

สินเชื่อส่วนบุคคล:

รายละเอียด: บางแห่งอนุมัติง่าย ไม่เช็คบูโร วงเงินขึ้นอยู่กับฐานรายได้ของผู้กู้

ข้อดี:

วงเงินสูง ขึ้นอยู่กับฐานรายได้

ผ่อนชำระได้นาน

ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

ข้อเสีย:

ดอกเบี้ยค่อนข้างสูง หากเทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป

อาจต้องใช้เอกสารประกอบการพิจารณามากกว่าสินเชื่อประเภทอื่น

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีรายได้ประจำ ต้องการเงินทุนเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมบุตร

ตัวอย่าง:

สินเชื่อพรอมิส (Promise): วงเงินสูงสุด 300,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน

สินเชื่อ Your Cash จากอิออน: วงเงินสูงสุด 50,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 18 เดือน

สินเชื่อเงินด่วนออนไลน์:

รายละเอียด: สมัครง่าย อนุมัติไว ได้เงินเร็ว ผ่านช่องทางออนไลน์

ข้อดี:

สะดวก รวดเร็ว

ไม่ต้องยื่นเอกสารมาก

สมัครได้ทุกที่ ทุกเวลา

ข้อเสีย:

ดอกเบี้ยค่อนข้างสูง

วงเงินไม่สูงมาก

ควรเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เพราะอาจเจอแอปฯ ปล่อยกู้นอกระบบได้

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเงินทุนฉุกเฉิน ไม่มาก และสามารถชำระคืนได้รวดเร็ว

ตัวอย่าง:

แรบบิทแคช: วงเงินสูงสุด 100,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 36 เดือน

มันนี่ฮับ: วงเงินสูงสุด 50,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 18 เดือน

สินเชื่อรีไฟแนนซ์:

รายละเอียด: เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนี้หลายก้อน ต้องการรวมหนี้ และลดภาระดอกเบี้ย

ข้อดี:

ลดภาระดอกเบี้ย

ผ่อนชำระได้นานขึ้น

ช่วยให้บริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น

ข้อเสีย:

อาจมีค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์

อาจต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลดภาระหนี้สินโดยรวม และมีวินัยในการผ่อนชำระ

ตัวอย่าง:

สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม: วงเงินสูงสุด 5,000,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี (สำหรับสินเชื่อบ้าน)

คลินิกแก้หนี้ by SAM" ทางเลือกที่ยั่งยืน สู่การเงินที่มั่นคง

หากคุณกำลังเผชิญกับ "ทางตัน" ทางการเงิน มีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่รู้จะเริ่มต้นแก้ไขอย่างไร "คลินิกแก้หนี้ by SAM" พร้อมช่วยเหลือ โดย SAM หรือ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด จะทำหน้าที่เป็น "กาวใจ" ในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ ให้สอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ ทำให้คุณ "หลุดพ้น" จาก "วงล้อมแห่งหนี้" ได้อย่างยั่งยืน

สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM:

ธนาคารพาณิชย์:

ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารกรุงไทย

ธนาคารทหารไทยธนชาต

ธนาคารออมสิน

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

บริษัทบัตรเครดิต:

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC

บริษัท บัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา จำกัด

บริษัท บัตรเครดิตซิตี้แบงก์

บริษัทสินเชื่อส่วนบุคคล::

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

"คลินิกแก้หนี้" เหมาะกับใคร?

ผู้ที่มีหนี้เสียหลายบัญชี จนไม่สามารถบริหารจัดการได้

ผู้ที่ต้องการลดภาระดอกเบี้ย เพื่อให้ผ่อนชำระได้มากขึ้น

ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ให้สอดคล้องกับรายได้ และความสามารถในการผ่อนชำระ

ผู้ที่ต้องการปลดหนี้ และมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

ติดต่อ "คลินิกแก้หนี้" ได้ที่ไหน?

Call Center: 1443

Website: debtclinicbysam.com

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1.ติดบูโรนานแค่ไหนถึงจะกู้ได้?

ระยะเวลาที่ข้อมูลอยู่ในเครดิตบูโรขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูลและประวัติการชำระหนี้ โดยทั่วไปข้อมูลจะถูกลบออกจากระบบหลังจากชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว 3 ปี

2.ติดบูโรแล้วกู้ที่ไหนได้บ้าง?

แม้จะติดบูโร แต่ยังมีสินเชื่อที่เปิดโอกาสให้กู้ได้ เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ, สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์, สินเชื่อส่วนบุคคลบางแห่ง หรือสินเชื่อเงินด่วนออนไลน์

3.คลินิกแก้หนี้ช่วยอะไรได้บ้าง?

คลินิกแก้หนี้ช่วยเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และให้คำปรึกษาทางการเงิน

4.คลินิกแก้หนี้คิดค่าบริการหรือไม่?

ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการขอรับคำปรึกษาและเข้าร่วมโครงการ

5.ติดบูโรแล้วสามารถสมัครบัตรเครดิตได้หรือไม่?

โอกาสได้รับอนุมัติขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน และประวัติทางการเงินในปัจจุบัน

สินเชื่อ เป็นเพียงเครื่องมือ "วินัยทางการเงิน" ต่างหากคือ "กุญแจไขประตู" สู่ชีวิตที่ดีกว่า

การ "ติดบูโร" ไม่ใช่ "จุดจบ" แต่เป็น "บทเรียน" สำคัญ ที่สอนให้เรารู้จัก "บริหารจัดการเงิน" ให้ดีขึ้น แม้ "สินเชื่อ" จะเป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่ช่วยให้เราผ่านพ้น "วิกฤต" ไปได้ แต่ "กุญแจดอกสำคัญ" ที่แท้จริง คือ "วินัยทางการเงิน" ของตัวเราเอง ที่ต้องปลูกฝัง และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง "ภูมิคุ้มกัน" ให้กับชีวิตทางการเงินของเรา

จงจำไว้ว่า... "วินัยทางการเงินที่ดี" จะนำพาชีวิตที่ดีกว่ามาให้เสมอ